หัวใจของโดมิโน่ ฟิล์ม

หัวใจของโดมิโน่ ฟิล์ม
Making a 4 x 100 Relay Run Film & Breath a New Life of the Text. Forget conventional film adaptation and re-create the magic of Anything Goes Cinema.* * * ครั้งแรกในประเทศไทยที่นักเขียนระดับแนวหน้า รวมใจลงแขกกับนักทำหนังสั้นแบบไม่เกรงใจสูตรคร่ำครึ ปฏิวัติการดัดแปลงวรรณกรรมรูปแบบใหม่ ให้เป็นการด้นเกมแห่งเสียงอักษรไหลสุดขอบจินตนาการภาพ ด้วยโจทย์ต้นเรื่องของนักเขียนที่จุดประกายให้คนทำหนังสั้น 4 คน ต่อ-แต่งเรื่องเล่าตามใจชอบ เกิดเป็นหนังยาว 2 ชั่วโมงในวงเงินเพียง 5 แสนบาท ท้าทายการสร้างหนังในระบบธุรกิจ เพราะทุกคนสามารถมีสิทธิ์สนับสนุนหนังโดมิโน่ ด้วยการร่วมบริจาคทุนสร้าง

วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554

ประวัติ คนทำหนังสั้น โครงการหนังโดมิโน่ 4 สหาย

ประวัติ คนทำหนังสั้น 4 สหายโดมิโน่ 

จุฬญาณนนท์ ศิริผล (เข้)

Chulayarnnon Siriphol

เกิด 2529 จบการศึกษาระดับปริญญาตรี - คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ภาควิชานิเทศศิลป์ 

สาขาภาพยนตร์และวิดีโอ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

ผลงานภาพยนตร์

หัวลำโพง (Hua-Lam-Pong)
2547 / sound / color / Documentary / 12 นาที
รางวัล 2547 - รางวัลช้างเผือกพิเศษ (ชนะเลิศระดับนักเรียน) เทศกาลภาพยนตร์สั้นครั้งที่ 8 
  จัดโดยมูลนิธิหนังไทย
- เข้ารอบสุดท้าย Young Thai Artist Award 2004 สาขาภาพยนตร์
  จัดโดย มูลนิธิซิเมนต์ไทย
เทศกาล
2548 - The 34th International Film Festival Rotterdam 2005, S.E.A. Eye Programme, 
  The Netherlands
- Luk-Ka-Pid-Luk-Ka-Perd : The Bangkok Invisible Landscapes (In Between  
  Project) , Thailand
2553 - 26th Hamburg International Short Film Festival, Germany

บ้านทรายทอง (Golden Sand House)
2548 / sound / color / Fiction-Documentary / 19 นาที
รางวัล 2549 - รองชนะเลิศรางวัลช้างเผือก (ระดับนักศึกษา) เทศกาลภาพยนตร์สั้นครั้งที่ 10
  จัดโดย มูลนิธิหนังไทย
เทศกาล 2549 - The 4th World Film Festival of Bangkok, Thailand

เจ้าหญิงนิทรา (Sleeping Beauty)
2549 / sound / color / Experimental-Documentary / 40 นาที
รางวัล 2549 - ชนะเลิศรางวัลดุ๊ก (ประเภทสารคดี) เทศกาลภาพยนตร์สั้นครั้งที่ 10
  จัดโดย มูลนิธิหนังไทย
เทศกาล
2549 - The 4th World Film Festival of Bangkok, Thailand
2550 - The 36th International Film Festival Rotterdam, Short: As Long As It Takes
  ,The Netherlands
  - Southeast Asian Digital Cinema, Singapore
  - Head Or Tail? : Contemporary Media and Video works from Thailand, Ireland

วัตถุทรงกลม (Round Object)
2550 / silent / color / Experimental / 2 นาที 
เทศกาล
2551 - The 5th Bangkok Experimental Film Festival (BEFF5), Thailand

1013
2550 / sound / black & white / Fiction-Experimental / 10.13 นาที 

เทศกาล
2551 - The 5th Bangkok Experimental Film Festival (BEFF5), Thailand
2553 - “WELL DONE, MEDIUM & RARE” 10 FRESH THAI SHORT FILMS & 
  MUSIC VIDEOS : 9 ตุลาคม 2553 ณ โรงภาพยนตร์ HOUSE RCA

จุฬญาณนนท์ (Chulayarnnon)
2551 / silent / black & white / Experimental / 3 นาที 

เทศกาล
2551 “ ล่อง/รอย” ( Remains ) 10 หนังสั้น ทาขึ้นใหม่แด่การจากไปของ
  กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ นักเขียนรางวัลซีไรท์ปี 2539
- The 5th Bangkok Experimental Film Festival (BEFF5), Thailand
2552 - เข้ารอบสุดท้าย Up and Coming Film Festival Hannover, Germany

ภัยใกล้ตัว (ฉบับผู้กำกับ) / Danger (Director’s cut)
2551 / silent / color / Fiction-Experimental / 14 นาที 

รางวัล
2551 - รางวัลช้างเผือก (ชนะเลิศระดับนักศึกษา) เทศกาลภาพยนตร์สั้นครั้งที่ 12
  จัดโดย มูลนิธิหนังไทย

วิญญาณ (Spirits)
2552 / sound / color / Experimental / 5.30 นาที 

เทศกาล
2552 - “Experimental film inspired by Qbar” : 6 มิถุนายน 2552 ณ Qbar สุขุมวิท 11
2553 - The 8th World Film Festival of Bangkok, Thailand

คาราโอเกะเพลงแผ่เมตตา (Karaoke: Think Kindly)
2552 / sound / color / Music Video / 5 นาที
รางวัล
2552 ชนะเลิศการประกวด “โรงหนังประชาชน” (ครั้งที่ 2) ตอน "เปลี่ยน" จัดโดย แรง 
คิดทีวี
เทศกาล
2552 - “วาทกรรมคนบาป” (The Sinner's discourse) - พื้นที่แห่งการสารภาพ ความรู้สึก
  ผิด การชาระล้าง ผ่านงานวีดีโอ
- “หนัง=สังคม” : เหลืองกับแดงกับคนอื่นๆ ณ สถาบันปรีดี พนมยงค์
2553 - 6th Singapore Short Film Festival, S-Express:Thailand, Substation, Singapore

แบบทดสอบวิชาการเมืองไทยร่วมสมัย (Thai Contemporary Politics Quiz)
2553 / silent / color / Experimental / 8 นาที
เทศกาล
2010 - “In the Realm of Conflict 2” : เทศกาลภาพยนตร์สั้นครั้งที่ 14
  จัดโดย มูลนิธิหนังไทย
2011 - “Political Collect” : Wild Type 2011 by Filmvirus @ The Reading Room,  
  Bangkok, Thailand

ประวัติศาสตร์ขนาดย่อของความทรงจา (A Brief History of Memory)
2553 / sound / black&white / Experimental-Documentary / 14 นาที
เทศกาล
2010 - หนึ่งในหกภาพยนตร์สารคดีสั้น “อีเลี้ง” : 9 ตุลาคม 2553
  ณ โรงภาพยนตร์เฉลิมธานี ตลาดนางเลิ้ง
2011 - “Political Collect” : Wild Type 2011 by Filmvirus @ The Reading Room,  
  Bangkok, Thailand

------------------------------------------------------------------

วชร กัณหา (ไกด์) 

Wachara Kanha

เกิดและเติบโตที่กรุงเทพมหานคร สนใจในเรื่อง ภาพยนตร์ ศิลปะ และ ดนตรี เริ่มมีความสนใจศิลปะด้านภาพยนตร์เมื่อวัยเด็กเพราะครอบครัวชอบดูหนัง เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นสร้างงานศิลปะพร้อมกับการศึกษาด้านภาพยนตร์  

เมื่อจบการศึกษาชั้นปวส. เพาะช่าง สาขาออกแบบ เอก ศิลปะการถ่ายภาพ จึงได้ไปศึกษาวิชาภาพยนตร์โดยตรง ที่มหาวิทยาลัยราชมงคลธัญบุรี คลอง 6 คณะ เทคโนโลยีสื่อสารมวลชน สาขาวิชา การถ่ายภาพและภาพยนตร์ (ยังกำลังศีกษา) 

มีความหวังว่าจะทำงานศิลปะภาพเคลื่อนไหวนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เพราะมันคือความสุขที่ได้สร้างมันออกมาจากจินตนาการ 
 
ปัจจุบันทำงาน ช่างภาพอิสระ และผู้สร้างสรรค์ศิลปะภาพเคลื่อนไหว อาชีพ รับจ้างทำทุกอย่าง
 
มีผลงานหนังสั้น – หนังทดลอง - วีดีโออาร์ต ประมาน 40 เรื่อง
ผลงานเรื่องเฟื่อง เข้ารอบสุดท้ายมูลนิธิหนังไทยครั้งที่ 14
ผลงานอีกหลายเรื่องที่ได้เข้ารวมเทศกาลหนังสั้นในประเทศไทย
 
ผลงานหนังเล่าเรื่องที่ได้ออกสื่อโทรทัศน์
เรื่องยุวธิปไตย รายการสิบปากกาหน้าเลนส์ กำกับรวม เขียนบทรวม กำกับภาพและดำลับภาพ
เรื่องหลอกผี รายการสิบปากกาหน้าเลนส์ ฝ่ายอาร์ต
เรื่องมิเชล รายการสิบปากกาหน้าเลนส์ ฝ่ายอาร์ต
 
ผลงานการทำงานที่เกี่ยวกับสื่อภาพยนตร์สั้น
การทำงานที่เกี่ยวกับการเป็นพี่เลี้ยงสอนทำหนังสั้นตามค่ายต่างๆ
เป็นพี่เลี้ยงค่ายอบรมหนังสั้นของสยามกัมมาจลและฟิ้ว
เป็นวิทยากร เทศกาลภาพยนตร์ กินแหนงแคลงใจ
เป็นพี่เลี้ยงอบรมทำหนังสั้นโครงการ RECOFTC
เป็นพี่เลี้ยงสอน โครงการประกวดหนังสั้น สสส.
เป็นวิทยากรให้เด็กในโครงการของสยามกัมมาจล
 
ปัจจุบัน วชร กัณหา มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างงานศิลปะภาพเคลื่อนไหวด้วยความสุข คงหวังเพียงที่จะได้สร้างผลงานเพื่อให้มีคนได้รับชม
 
ประวัติผลงานหนังสั้น (บางส่วน)

ปลายทางแห่งความรักที่ไม่มีวันเลือนลาง
2006/15 min/colour/sound/DV/drama

พ่อครับ..ผมรักพ่อ
2007/10 min/sound/film/drama

กระต่ายในดวงจันทร์
2007/3 min/colour/DV

เพียงหลับใหลในเงามืด
2007/15 min/colour+black and white/DV

มนุษยธรรม
2008/14 min/colour+black and white/DV/drama

รักเธอครั้งแรกรักเขาครั้งสุดท้าย
2009/14 min/colour/sound/film-DV/romantic-lonely

HUNTER THE BAG
2009/17 min/colour/sound/DV/action-comedy
Shown in the 14th Thai Short Film and Video Festival
Shown in the 1st Doi Saket International Film Festival

สุดถวิลหา
2010/18 min/colour+black and white/DV
Director – Wachara Kanha, Wisit Saonoi

คำพิพากษาของความรัก
2010/25 min/colour+black and white/DV/drama-murder

แกะแดง
2010/40 min/colour/sound/DV/documentary
Director/screenwriter/cinematographer – Wachara Kanha, Teerani Siangsanoh, Tani Thitiprawat
Editor – Wachara Kanha
Shown in the 14th Thai Short Film and Video Festival
Shown in the 1st Doi Saket International Film Festival

เฟื่อง
2010/30 min/colour+black and white/DV/home video
Director/screenwriter/cinematographer – Wachara Kanha, Teerani Siangsanoh, Tani Thitiprawat
Editor – Wachara Kanha
Shown in the 1st Doi Saket International Film Festival

ยุวธิปไตย
2010/17 min/colour/sound/DV/drama
Director – the workshop team of the TV program "TEN PENS IN FRONT OF THE LENS"
Screenwriter – Wachara Kanha, Wut Poomin, Grittiya Gaweejarugorn
Editor – Wachara Kanha
Broadcasted by Thai PBS channel


FILMVIRUS
2010/12 min/colour/sound/DV
Director/screenwriter – Teerani Siangsanoh, Wachara Kanha
Cinematographer – Teerani Siangsanoh
Editor – Wachara Kanha
Participated in the program "BURN FILMVIRUS"

ประถมบทแห่งการเริ่มต้นใหม่ (ของฉัน)
2010/14 min/DV/moving images-essay
Director -- Wachara Kanha
Participated in the program "BURY THE MEMORY: BOTANICAL EXPERIMENTAL LAB"

BLUE BLANK
2010/50 min/colour/sound/DV/investigation
Director/screenwriter/production designer and art director/editor – Wachara Kanha
Participated in the program "BURY THE MEMORY: BOTANICAL EXPERIMENTAL LAB"

เชลยแห่งความรัก
2010/30 min/colour+black and white/sound/DV/romantic
Director/screenwriter/production designer and art director/editor – Wachara Kanha
Participated in the program "BURY THE MEMORY: BOTANICAL EXPERIMENTAL LAB"

พายายหมอนไปชมสวน
2010/14 min/colour+black and white/DV
Director – Wachara Kanha

------------------------------------------------------------------

รัชฏ์ภูมิ บุญบัญชาโชค (อุ้ย)

Ratchapoom Boonbunchachoke

รัชฏ์ภูมิ บุญบัญชาโชค เกิดปีเถาะตามตำรานับปีนักษัตริย์จีน เป็นโรคกลัวโรงหนังในวัยเด็ก และมีความปรารถนาจะเป็นนักเขียนก่อนจะหันเหมาสนใจงานภาพยนตร์ จนได้ศึกษาต่อทางสาขานี้ ต่อมาได้จบการศึกษาจากภาควิชาภาพยนตร์และภาพนิ่ง คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเริ่มเป็นที่รู้จักจากภาพยนตร์ขนาดสั้นเพื่อจบการศึกษาของเขา ‘ของเหลวที่หลั่งจากกาย’ หรือ Bodily Fluid is so Revolutionary (2009) และต่อมาได้รับการคัดเลือกให้ติด 1 ใน 100 หนังไทยแห่งทศวรรษโดยนิตยสาร Bioscope ต่อมาทำงานเป็น Programming Assistant ของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพปี 2009 ก่อนจะมาทำงานเป็นคนเขียนบทภาพยนตร์เชิงพานิชย์ในอุตสาหกรรม แต่ก็มีแรงกระตือรือร้นในการทำหนังแบบที่ตัวเองชอบเสมอ ๆ 

Filmography

Ma vie incomplet et inachevee' (2007) 4 mins / DV / Color / Stereo (animation)

2010: Don't Mess with Us: Filmvirus and Friends (Short Films and MV) @Thammasat University Library
2011: Chaingmai Now @Bangkok Art and Culture Centre

เกมโบกรถ (2007) 14 mins / DV / Color / Stereo
2011: Chaingmai Now @Bangkok Art and Culture Centre

เงือกสวมกางเกง : หนังเงียบ (2007) 7 mins / DV / Color / Stereo
2009: ฉันอยู่นี่ เซ็นเซอร์ที่รัก @pridiinstitute
2010: Bangkok International Student Film Festival @Bangkok Art and Culture Centre
2011: Chaingmai Now @Bangkok Art and Culture Centre

ชุติมา (2007) 16 mins / DV / Color / Stereo (สร้างจากบทกวีรางวัลซีไรต์ของ มนตรี ศรียงค์)
2010: Don't Mess with Us: Filmvirus and Friends (Short Films and MV) @Thammasat University Libraries
2011: Chaingmai Now @Bangkok Art and Culture Centre

...ออกเสียงไม่ได้ในจักรวรรดิทางภาษาของคุณ …Unpronounceable in the Linguistic Imperialism of Yours (2008) 4 mins / DV / Color / Stereo
2008 : VERY SHORT NEW YEAR CINE-BRATION@Bioscope Theatre
2008 : REVISITED @Chulalongkorn University
2008 : Phuket @BO{OK}HEMIAN ARTHOUSE Phuket

ของเหลวที่หลั่งจากกาย Bodily Fluid is Revolutionary (2009) 41 mins / DV / Color / Stereo
2009: Digital Forum 13th Thai short film and video festival @Bangkok Art and Culture Centre
2009: WILD TYPE : FILMVIRUS SHORTS! @Jamjuree Gallery
2009: The 9th World Film Festival of Bangkok 
2010: Contemporary Thai Short Films @ THE READING ROOM
2010: Bangkok International Student Film Festival @Bangkok Art and Culture Centre
2011: Chaingmai Now @Bangkok Art and Culture Centre

------------------------------------------------------------------

เฉลิมเกียรติ แซ่หย่อง (ตี๋)

Chaloemkiat Saeyong

เกิดที่กรุงเทพปี 2530 โตที่สมุทรปราการ และใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในวัยเด็กที่กรุงเทพ สมุทรปราการและเชียงรายเริ่มทำสื่อภาพเคลื่อนไหวตั้งแต่ปี 2550
 
ปี 2553 จบการศึกษาทางด้านถ่ายภาพและภาพยนตร์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ปัจจุบันยังทำงานเกี่ยวกับสื่อภาพเคลื่อนไหวอยู่เนื่อง ๆ 
2553 YOUNG INDEPENDENT THAI DIRECTORS BY INDIAN AUTEUR MAGAZINE 
(JANUARY 2010
2554 FILMMAKER, THIRD CLASS CITIZEN 3RD ANNIVERSARY CINE-BRATION POSTCARD CINEMA
Contact : Email: taikmeolahc@hotmail.com
  
ผลงาน
Reverse
2550 / 10 นาที / สี / เสียง / ดีวี / เรื่องแต่ง 
ฉายที่
2550 : FAT FILM COMPETITION , THAILAND
2551 : SHORT 12 [FIRST ROUND] BY THAI FILM FOUNDATION
2551 : 9th Movie Mania Awards, Faculty of Communication , Chulalongkorn University,  
  Bangkok, Thailand

DemoCrazy
2551 / 41 วินาที / สี / เสียง / มือถือ / สารคดีทดลอง
ฉายที่ 
2551 : 9th Movie Mania Awards, Faculty of communication, Chulalongkorn University, 
  Bangkok, Thailand

Requiem
2551 / 2.50 นาที / สี / เสียง / มือถือ / วีดีทัศน์ดนตรี
ฉายที่ 
2551 : PLEASE PEACE ME , BMA Contemporary Art Museum, THAILAND
   
กู่ก้องบอกรักนิรันดร (Peru time) 
2551 / 18 นาที / สี / เสียง / ดีวี / สารคดีทดลอง 
ฉายที่
2552 : SHORT 13 [FIRST ROUND] BY THAI FILM FOUNDATION
2553 : The 1st Doi Saket International Film Festival

สถานต่างอากาศ (A PLACE OF DIFFERENT AIR) 
2551 / 24 นาที / สี / เสียง / ดีวี / สารคดีทดลอง
ฉายที่
2552 : SHORT 13 [FIRST ROUND] BY THAI FILM FOUNDATION
2554 : FilmVirus Shorts: Wild Type 2011 @ The Reading Room

ใบหยก
2551 / 2.52 นาที / สี / เงียบ / มือถือ / สารคดีทดลอง 
ฉายที่
2553 : The 1st Doi Saket International Film Festival

ฆาตรกรรมสวาท ประหลาดน่านฟ้า ทำให้คนหายตัวไป 
(POLITICALLY LAWYER AND NARRATIVE CINEMA)
2552 / 27 นาที / สี / เสียง / ดีวี / เรื่องแต่ง 
ฉายที่
2552 : SHORT 13 [FIRST ROUND] BY THAI FILM FOUNDATION
2552 : WILD TYPE : FILMVIRUS SHORTS! @ jamjuree art gallery
2553 : Contemporary Thai Short Films @ The Reading Room
2553 : Bangkok International Student Film Festival : Experimental Experience program
2553 : The 1st Doi Saket International Film Festival

บุคคลที่ตกค้างอยู่ภายในความทรงจำ (History in the air)
2552 / 58 นาที / ขาวดำ / เสียง / 16 มม. / ดีวี / สารดคดี 
ฉายที่
2554 : FilmVirus Shorts: Wild Type 2011 @ The Reading Room
2554 : Burials of Lost Memories: Before Forgetfulness Consumes @ Pridi Banomyong  
  Institute

คำพิพากษาของซาตาน (Chay,Gayvah-rar ‘n’ the Machupicchu)
2553 / 21 นาที / สี / เสียง / ดีวี / เรื่องแต่ง 
ฉายที่
2553 : Nominated for The White Elephant Award 
  in 14th Thai Short Film and Video Festival BY THAI FILM FOUNDATION
2553 : The 1st Doi Saket International Film Festival
2554 : FilmVirus Shorts: Wild Type 2011 @ The Reading Room
2554 : Burials of Lost Memories: Before Forgetfulness Consumes @ Pridi Banomyong 
  Institute

พิพิธภัณฑ์แห่งแสง (employees leaving the Lumiere factory)
2553 / 31 นาที / สี / เสียง / ดีวี / เรื่องแต่ง 
ฉายที่
2553 : The 1st Doi Saket International Film Festival
2554 : FilmVirus Shorts: Wild Type 2011 @ The Reading Room
2554 : Burials of Lost Memories: Before Forgetfulness Consumes @ Pridi Banomyong  
  Institute

ลับเฉพาะเสี่ย (Something happen in the BLUE condo)
2553 / 19 นาที / สี / เสียง / 16 มม. / เรื่องแต่ง 
ฉายที่
2553 : Bangkok International Student Film Festival 
2553 : SHORT 14 [FIRST ROUND] BY THAI FILM FOUNDATION

เที่ยวเล่นที่สิงคโปร์ ชวา บาหลี 
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม – 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2742 (afternoon landscape)
2553 / 1.30 นาที / สี / เสียง / มือถือ / เรื่องแต่ง 
ฉายที่
2554 : THIRDCLASSCITIZEN : POSTCARD CINEMA 
  @ TEA SHOP THAIFILM FOUNDATION BMA Contemporary Art Museum, 

  THAILAND

(ขอบคุณข้อมูลของ วชร และภาพของ เฉลิมเกียรติ จาก Limitless Cinema)

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

กำเนิด ปฏิบัติการหนังโดมิโน่ 4 สหาย - Domino Film Experiment

ปฏิบัติการหนังโดมิโน่ 4 สหาย

A FilmVirus Project

โครงการหนังฟิล์มไวรัส

ติดต่อ filmvirus@gmail.com และ filmvirus@yahoo.com

บล็อก ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ ที่ http://dkfilmhouse.blogspot.com/


โปรดิวเซอร์ : ภาณุ อารี (The Convert และ Baby Arabia)
ที่ปรึกษา: อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล, ก้อง ฤทธิ์ดี, สมเกียรติ์ วิทุรานิช (October Sonata)
คณะนักเขียนโดมิโน่: สุชาติ สวัสดิ์ศรี, แดนอรัญ แสงทอง, อุทิศ เหมะมูล
และ ปราบดา หยุ่น 
เจ้าของโครงการ : สนธยา ทรัพย์เย็น (Filmvirus)

เคยเล่นไหมเกมกระซิบบอกข้อความไล่จากหัวแถวไปถึงหางแถว
ผลคือเกมสนุกของหนังคนละม้วนเดียวกัน


น่าสมเพชที่หลายคนเข้าใจว่าวงการหนังไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่รุ่งเรือง วัดจากชื่อเสียงของหนังเรื่องโน้นเรื่องนี้ที่ออกไปกวาดรางวัล สร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติกันมากมาย

แต่เราจะเข้าใจว่านั่นคือความสำเร็จที่แท้จริงได้อย่างไร ในเมื่อเงินทุนก้อนหลักนั้นไม่ใช่เงินไทยเลย และที่ได้รับบ้างก็เป็นเศษเสี้ยวก้อนเล็กซึ่งพ่วงมาตบท้าย ขอเพียงให้เออออพอปะหน้าได้ว่า นี่หนังจากประเทศไทยนะยะ

ว่าไปแล้วสถานการณ์ของวงการหนังไทยนั้นแย่กว่าสมัยเมื่อ 30-40 ปีที่แล้วเสียอีก ยุคที่ทั้งกลุ่มคนทำหนังและกลุ่มคนดูหนังนั้นยังพอมีพื้นฐานจากการอ่านเป็นเสาหลัก ก่อนที่จะมาต่อยอดเป็นงานภาพยนตร์ที่ยังต้องการสื่อสารเนื้อหา หรือสะท้อนภาพวงกว้างของคนที่เวียนว่ายในสังคมยุคนั้น ๆ

เช่นเดียวกับอีกหลายคน ที่มักฟุ้งไปว่าแนวคิดของตัวเองต้องพิเศษ แตกต่าง และดีเลยเถิดของชาวบ้านเขา ตัวผมเองในฐานะของผู้ก่อตั้ง ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ หน่วยงานอิสระทำเองเออเอง ไม่แสวงกำไร ที่ฉายหนังด้อยโอกาสนอกกระแสชมฟรีมากว่า 16 ปี และจัดพิมพ์หนังสือ ฟิล์มไวรัส (ภาพยนตร์) และ บุ๊คไวรัส (วรรณกรรม) ยังอยากจะยืนยันว่าการอ่านยังเป็นพื้นฐานสำคัญของจินตนาการ และหวังจะจุดประกายให้ความศรัทธาในการอ่านยังเป็นจริง ไม่ใช่เรื่องล้าสมัย และแม้ว่าศิลปะภาพยนตร์จะไม่สามารถทดแทนจินตนาการในการอ่านวรรณกรรมจากหนังสือเล่มได้หมดจด แต่ผมก็ยังเชื่อว่ามรดกการสร้างสรรค์ในงานสร้างภาพยนตร์นั้น ถ้าใช้อย่างเหมาะสม จะเป็นตัวเสริมส่งวรรณกรรม หนำซ้ำยังจะสามารถต่อยอดจินตนาการจากงานวรรณกรรมได้อย่างอิสระลื่นไหลและกู่ไกลได้ยิ่งกว่าเสียอีกด้วย (คอวรรณกรรมอาจไม่ยอมรับประโยคหลังนี้ แต่ความจริงก็คือมันเป็นไปได้ แม้นานทีมีหน) 

และไอเดียที่ผมฟุ้งเฟื่องเป็นพิเศษอยู่ในช่วงนี้ก็คือ ปฏิบัติการหนังโดมิโน่

ไอเดียเกิดจากที่ผมเขียนบทความ “วรรณกรรมลงแขก” ให้นิตยสาร ช่อการะเกด ฉบับที่ 46 (ตุลาคม-ธันวาคม 2551) ซึ่งผมเขียนแนะนำหนังสือนิยายฝรั่งเล่มหนึ่งชื่อปกว่า “Click” โดยในเล่มนั้นมีนักเขียนชั้นนำ 10 คนมาผลัดกันร่วมมือร่วมใจแต่งนิยายเรื่องเดียวกันโดยทยอยส่งต่อเป็นทอด ๆ เริ่มจากต้นร่างความคิดของนักเขียนคนแรกที่ส่งไม้ให้นักเขียนคนอื่น ๆ รับช่วงสานต่อ ผลลัพธ์ออกมาเป็นนิยายที่มีตัวละครชุดเดียวกัน โดยเลือกที่จะเล่าเน้น เล่าผ่าน แตกต่างกันไปตามสไตล์แต่ละนักเขียน

จะว่าไปกรณีนี้ก็ไม่ใช่ความคิดใหม่นักหนา เคยมีคนทำมาก่อนบ้างแล้ว แม้แต่พวกศิลปินเซอร์เรียลลิสต์ที่ช่วยกันลงแขกปะติดปะต่อเรื่องที่ไม่ใส่ใจเหตุผล กระทั่งในงานศิลปะแนวอินเตอร์แอ็คทีฟตามแกลเลอรี่ หรือหนัง “ดอกฟ้าในมือมาร” ของ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ที่ให้ชาวบ้านหลายภาคแต่งต่อนิทาน แล้วหากเรานับบทเสภา “ขุนช้างขุนแผน” ที่ช่วยกันแต่งหลายมือ หลายปาก หลากหลายยุคสมัยก็พอกล้อมแกล้ม (แต่กรณีหลังนี้เขามีโครงเรื่องมาก่อน)

สรุป จุดหลักของแนวคิดโดมิโน่เอ็ฟเฟ็คท์ ที่ผมปรับแปลงมาก็คือ การร่วมมือร่วมใจระหว่างนักเขียนกับคนทำหนัง โดยการทำหนังแบบ “โดมิโน่” เปรียบได้กับการวิ่งหนังส่งไม้ 4 คูณ 100 โดยในหนังแต่ละเรื่องนั้น เราจะใช้สูตร 1 : 4 คือ เชิญนักเขียนผู้มีคุณวุฒิครั้งละ 1 ท่านเข้ามากำหนดโจทย์ ตัวละคร หรือโครงเรื่องคร่าวๆ ให้นักทำหนังสั้น 4 คน เข้ามาผลัดกัน แต่ง- ต่อ- เติม ต่อ- เติมจินตนาการตามถนัด กล่าวคือ คนทำหนังแต่ละคนจะขยายโจทย์ต้นร่างความคิดของนักเขียน แล้วนำไปคิดต่อยอดทำหนังในแบบฉบับของตัวเอง เมื่อคนแรกทำหนังเสร็จก็จะไล่โดมิโน่ ส่งต่อเป็นทอดๆ ให้คนที่ 2, 3 และ 4 ตามลำดับ เกิดเป็นกิ่งก้านหนังตอนย่อย ๆ ที่มีความสัมพันธ์รับส่งระหว่างกลุ่มตัวละครชุดเดียวกัน และผนวกรวมเป็นลำต้นภาพยนตร์ที่มีความยาวประมาณ 2 ชั่วโมงเทียบเท่าหนังปกติ
 

ผลงานที่ออกมาจะแตกต่างจากหนังรวมเรื่องสั้นตามหัวข้อกำหนดทั่วไป ซึ่ง คนทำหนังแต่ละคนมักจะมีอิสระเล่าเรื่องตามใจตัวเองเต็มที่ (เช่นเรื่อง ปารีส เฌอแตม หรือ New York, I Love You) คือในกรณีของหนังโดมิโน่นี้ นอกจากหนังทุกเรื่องจะต้องยึดหัวข้อเดียวกันแล้ว ยังต้องมีกลุ่มตัวละครและฉากหนังรับส่งให้มีความต่อเนื่องกันให้มากที่สุด เพื่อผลรวมที่ออกมาแม้จะมีความเป็นอิสระในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังคงความเป็นองค์รวมด้วย นั่นย่อมหมายความว่าคนทำหนังทั้ง 4 คน ควรปรึกษาและให้คำแนะนำกันตลอดการทำงาน (หรือปรึกษากับนักเขียนในฐานะพี่เลี้ยง) เพื่อที่ผลงานจะได้สอดรับไปทิศทางที่สอดคล้องกันในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง

ในช่วงแรกผมอยากจะทยอยสร้างหนังความยาวประมาณ 2 ชั่วโมงจำนวน 4 เรื่อง โดยในแต่ละเรื่องนั้นก็ถือเป็นผลงานที่งอกเงยมาจากนักเขียนผู้ทรงคุณวุฒิที่เข้ามามากำหนดโจทย์ หรือโครงเรื่องให้อีกที กล่าวคือในหนังที่มีต้นกำเนิดจากนักเขียนแต่ละคน ในแต่ละเรื่องก็จะมีโจทย์ที่ไม่ซ้ำกัน พล็อตเรื่องและตัวละครก็แตกต่างกันไปตามทิศทางของนักเขียน โดยในแต่ละเรื่องแต่ละชุด ประกอบด้วยตอนย่อยประมาณ 4 ส่วน ที่แบ่งกำกับและสานต่อเรื่องโดยคนทำหนัง 4 คน (โดยแต่ละโจทย์ที่นักเขียนนำมามอบให้คนทำหนังอาจมีความยาวตั้งแต่ 1 หน้ากระดาษ หรือยาวกว่านั้น - ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของนักเขียนแต่ละท่าน) 

นักเขียนรับเชิญ 4 ท่านที่ยินดีเข้าร่วมกำหนดโจทย์

1. สุชาติ สวัสดิ์ศรี / สิงห์สนามหลวง แห่งนิตยสารวรรณกรรมในตำนาน “โลกหนังสือ” และ “ช่อการะเกด” (และยังเป็นศิลปินแนววิจิตรศิลป์และภาพยนตร์ศิลปะ)

2. แดนอรัญ แสงทอง ศิลปินศิลปาธร สาขาวรรณศิลป์ ปี 2553 (เหรียญอิสริยาภรณ์ฝรั่งเศสปี 2551)

3. อุทิศ เหมะมูล นักเขียนรางวัลซีไรต์และนักเขียนรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ดส์ ปี 2552

4. ปราบดา หยุ่น เจ้าของสำนักพิมพ์ ไต้ฝุ่น และนักเขียนรางวัลซีไรต์ปี2545

ตัวอย่างบางส่วนของนักทำหนังสั้นที่เข้ามาร่วมโครงการหนังลงแขก

1. จุฬญาณนนท์ ศิริผล รางวัลรองชนะเลิศ รัตน์ เปสตันยี ของ มูลนิธิหนังไทย และรางวัลรองชนะเลิศ Fat Film Festival  
2. รัชฏ์ภูมิ บุญบัญชาโชค เคยมีหนัง “ของ เหลวที่หลั่งจากกาย” เข้ารอบประกวดมูลนิธิหนังไทยครั้งที่ 13
3. เฉลิมเกียรติ แซ่หย่อง เคยมีหนัง “คำพิพากษาของซาตาน” เข้ารอบประกวดมูลนิธิหนังไทยปี 2553
4. วชร กัณหา ร่วมกับเพื่อนในนาม “กลุ่มสำนักงานใต้ดิน” มีผลงานเรื่อง “เฟื่อง” เข้ารอบประกวดมูลนิธิหนังไทยปี 2553

ในอนาคตคงจะดีไม่น้อย หากเราสามารถสานต่อทำหนังแนวนี้ออกมาอีกหลายเรื่อง โดยเรียนเชิญนักเขียนท่านอื่นๆ เช่น อาจินต์ ปัญจพรรค์, ชาติ กอบจิตติ และท่านอื่นๆ  เข้ามากำหนดโจทย์ ณ เวลานั้นเราคงมีผลงานหนังชุดใหญ่ที่ประกอบฉายได้เป็นเทศกาลหนัง หรือกระทั่งเป็นทีวีซีรี่ส์

งบประมาณในการสร้างภาพยนตร์
งบประมาณการผลิตแต่ละเรื่อง (ใน 1 เรื่องยาวแบ่งเป็น 4 ตอนสั้นสำหรับคนทำหนัง 4 คน) ทั้งหมดรวม 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) ประกอบด้วยค่าโปรดักชั่น และค่าลิขสิทธิ์ไอเดียนักเขียน โดยได้ผลลัพธ์เป็นงานที่พร้อมจัดฉายและพร้อมประกวด แน่นอนว่างบประมาณเพียงเท่านี้คงไม่มีใครได้รับเงินค่าจ้าง (ยกเว้นค่าไอเดียนักเขียน) เพราะแทบทุกบาททุกสตางค์ต้องจัดสรรให้เป็นงบประมาณกองถ่ายทั้งหมด

ช่องทางการเผยแพร่หนัง
อนาคตการเผยแพร่ตามเทศกาลหนังหรือสถานีโทรทัศน์ต่างประเทศ และจัดฉายในหอศิลป์กรุงเทพ ฯ นั้นมีความเป็นไปได้อยู่ หากมีความพร้อมใจในการประสานงาน ขาดเพียงแต่เงินสนับสนุนเท่านั้น 

คงดีไม่หยอก หากความฝันข้างบนจะเป็นจริง และไม่กลายเป็นเพียงภาพหลอนลวงตา แต่ ณ เวลานี้ที่กระทรวงและบริษัทห้างร้านแทงกั๊ก รอหลักประกันความคุ้มค่า หวังจับทั้งทางขายวัฒนธรรมและกำไร ย่อมยังไม่มีใครเสนอตัวเสี่ยง เพราะเพื่อนพ้องในวงการแทบทุกคนซึ่งประสบความสำเร็จในการหาทุนในต่างแดนล้วนพูดเสียงเดียวกันว่าให้ไปหาเงินจากเนเธอร์แลนด์หรือเกาหลียังง่ายกว่าและไม่มีข้อผูกมัดมากเรื่องเช่นในบ้านเรา

ตลกดี 5 แสนบาท เงินเพียงเท่านี้น่าจะเป็นเพียงขนหน้าแข็งครึ่งเส้นของเสี่ยนอกวงการหนังบางคน หรือบางบริษัท ไม่น่าเป็นไปได้ว่าเรากำลังพูดถึงเงินเพียงหลักแสน หากว่าเป็นหลักล้านบาทขึ้นไป ค่อยน่าเชื่อหน่อยว่าควรอ้อนวอนฝรั่งหรือเกาหลีขาวหยวก ขอกินขนมปังหรือกิมจิ นี่ละหนาเมืองสยามฟ้าอมร

อย่างไรก็ตาม ผมยังอยากพิสูจน์ให้เห็นว่าการทำหนังสั้นและหนังใหญ่นั้นยังมีวิธีดิ้นหนีไปในทางประเทืองปัญญาแบบไหนอีก เพราะความจริงที่ไม่พูดกันก็คืออนาคตของหนังสั้นนั้นมีขอบเขตจำกัด ขณะเดียวกันทำอย่างไรเราจะส่งต่อให้คนทำหนังสั้นได้ก้าวเดินต่อไปแบบไม่ซ้ำซาก ทำหนังรับใช้ผลิตภัณฑ์ หรือตอบสนองสัญลักษณ์แห่งคุณงามความดีนั้นเป็นเรื่องน่านิยม แต่ในระยะยาวนั้นไม่ได้ยั่งยืนหรือเป็นกองทุนให้คนในอนาคตได้ต่อยอดจินตนาการทางศิลปะอย่างแท้จริง เพราะเพียงรวบรวมคนมา ต่างคนต่างทำหนังสั้น 3-4 เรื่องแล้วมารวบรวมฉายในหัวข้อเดียวกันมันง่ายจริง แต่ไม่ท้าทายชีวิต 

ขณะนี้ แดนอรัญ แสงทอง นักเขียนใหญ่ (ซึ่งได้รับการยอมรับนับถือในยุโรปมากกว่าในบ้านเราเอง) ได้จัดส่งงานเขียนของเขามาที่เราแล้ว ไม่ใช่แค่เพียงพล็อตเรื่องสั้นๆ ธรรมดาเสียด้วย หากแต่เป็นบทหนังแต่งใหม่สด ๆ ความยาว 14 หน้า (พร้อมบทพูด!) ซึ่งจะเป็นฐานหลักให้นักทำหนังของเราเริ่มทดลองเพ้อพก แต่ง-ต่อ เรื่องกันไปจนสุดขอบฟ้า เอาเป็นว่าใครในบ้านเมืองนี้ที่บ้าพอและคิดว่าพวกเราไม่ลวงโลก มองว่าหนังแนวนี้น่าสนับสนุนก็เชิญติดต่อเข้ามาได้ ที่ ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ (ฟิล์มไวรัส ) 086-490-6295, 081-343-7803, 02-925-0141 หรือ filmvirus@hotmail.com, filmvirus@gmail.com ระหว่างนี้ทางเราก็จะทดลองดิ้นรนสู้กันทุกวิถีทาง ตั้งแต่ขอทุนเกาหลีหรือทุนเกาเหลาของไทย รวมถึงวิธีทางของคนทำหนังอินดี้อเมริกันหลาย ๆ คน ที่เดินสายออกทีวี วิทยุ ทำบล็อก, bookvirus & filmvirus facebook ดิ้นรนระดมทุน และจัดทำหนังตัวอย่างสั้น ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นความสนใจในการลงทุน โดยอาจเสนอเป็นการร่วมซื้อหุ้นในราคาหลักร้อย หลักพัน หรือหลักหมื่น ร่วมด้วยช่วยกันหลายคนก็ยังดี แต่ถ้าเป็นเงินทุนจากบริษัทหรือสถาบันใดเพียงหนึ่งหรือสองแห่ง โลโก้เครดิตสนับสนุนคงไม่ต้องยาวยืด

(ดัดแปลงจากบทความของ สนธยา ทรัพย์เย็น ในคอลัมน์ “ฟิล์มไวรัส” นิตยสาร Vote ปีที่ 6 ฉบับที่ 135, ปักษ์แรก มีนาคม 2554)