ถึงขณะนี้ยังไม่มีคนแปลกหน้าบริจาคให้โครงการหนังโดมิโน่ ด้วยคงมองว่าหนังยังเป็นเรื่องการสนองตัณหาส่วนตัวของพวกอยากเด่นอยากดัง (ที่สามารถขายหนังเป็นสินค้าได้ทีหลังอีก) นี่หากเป็นกรณีของหมาโดนทำร้ายหรือเรื่องราษฎร์เรื่องหลวง และนักกีฬาเหรียญทองตกยาก มันคงไม่มาจบในรูปแบบนี้ เอาล่ะ โอกาสสุดท้าย ธนบัตรใบใดก็ได้ของคุณตั้งแต่ 20 บาท หรือ 100 บาท เรายินดีรับด้วยความซาบซึ้งแล้วกลืนอุดมคติหนัง 5 แสนบาท ต่อไปนี้เราจะหลุดพ้นจากข้อผูกมัดของยอดเงินและทำหนังโดยไม่เกี่ยงเงินทุน
ไม่ว่าคุณจะเป็นสื่อมวลชนหรือบุคคลธรรมดา ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องสนับสนุนเงินบริจาค ขอเพียงช่วยกันป่าวประกาศเป็นปากเสียงให้เรา ยิ่งหากคุณเคยดูหนังที่ ฟิล์มไวรัส จัด หรือเคยอ่านหนังสือ ฟิล์มไวรัส / บุ๊คไวรัส ที่เราทำ แล้วคุณยังนิ่งเฉยดูดาย ไม่เคยคิดแม้แต่จะส่งเสียงให้กำลังใจออกมาทั้งที่นี่หรือที่ไหน (เหมือนเช่นก่อน ๆ) ใครเล่าจะตอบได้เต็มปากว่าทำไมสังคมไทยไม่มีหนังสือแบบนี้ หนังแบบนั้น
ประเด็นนี้ไม่รวมแค่เฉพาะเรา แต่ยังรวมถึงกิจกรรมทางศิลปะวัฒนธรรมทุกสาขา โดยเฉพาะกลุ่มละครเวทีอิสระที่อยู่ได้ทุกวันนี้อย่างยากเย็น เป็นไปได้อย่างไรที่ละครเวทีรอบหนึ่งมีคนดูแค่คนเดียวหรือสองคน สังคมที่แฟนเพลงไม่สนับสนุนกันเอง มันจะพบตอนจบแบบอื่นได้อย่างไร
ข่าวหนังโดมิโน่ได้ลงในนนิตยสาร Esquire พฤษภาคม 2011
ปก Matthew McConnaughey
(ขอขอบคุณ วรัญญู อินทรกำแหง และกองบรรณาธิการ Esquire Thailand ไว้ ณ ที่นี้)

Werner Herzog พูดถึงเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องดิ้นรน 3- 4 ปี เข็นเรือข้ามภูเขาถ่ายหนังให้จบใน Fitzcarraldo ดีกว่าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร้ค่า
ชมวีดีโอบรรยากาศงานแถลงข่าวหนังโดมิโน่ ได้ที่นี่